ฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 ปี 1970 จัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก
การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งแรกถูกจัดขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเม็กซิโกได้สิทธิ์นั้นจากฟีฟ่า และเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดนัดชิงชนะเลิศมาให้ดูกันสดๆ ถึงประเทศไทย ซึ่งก่อนฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้นนั้น มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นมากมาย ทั้งการเกิดเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงของแฟนบอลของทีมชาติฮอนดูรัส กับทีมชาติเอลซัลวาดอร์ ประเทศที่มีความขัดแย้งด้านการเมือง ระหว่างรอบคัดเลือก ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 3000 คนเลยทีเดียว และยังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เอาชีวิตชาวเมืองเปรูไปมากถึง 50000 ชีวิตอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของโลกเลยทีเดียว การแข่งขันในครั้งนี้ยังคงมี 16 ทีมเช่นเดิม
ทีมที่เข้าร่วม
แบ่งเป็นทีมจากยุโรป 9 ทีม ได้แก่ เบลเยี่ยม,บัลแกเรีย,อังกฤษ(แชมป์เก่า),เชโกสโลโวเกีย,อิตาลี,โรมาเนีย,สหภาพโซเวียต,สวีเดน และเยอรมันตะวันตก ทีมจากอเมริกาใต้ 3 ทีม ได้แก่ บราซิล,เปรู และอุรุกวัย ทีมจากคอนคาเคฟ 2 ทีม ได้แก่ เอลซัลวาดอร์ และเม็กซิโก(เจ้าภาพ) และอีกหนึ่งทีมสุดท้ายคือ อิสราเอล ตัวแทนจากเอเชีย
การแข่งขันที่น่าสนใจของปีนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่แชมป์เก่าอังกฤษ ของกุนซือ เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ ที่ต้องโคจรมาพบกับคู่ชิงเมื่อสี่ปีที่แล้วอย่างเยอรมันตะวันตก คราวนี้ผลน่าจะเป็นเช่นเดิม เพราะขุนพลทรีไลออนออกนำไปถึงสองประตู แต่ฟรานซ์ เบคเค่นเบาเออร์ มายิงประตูจุดประกายในนาทีที่ 68 และก่อนหมดเวลาเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้น อูเว่ ซีเลอร์ ก็โขกประตูตีเสมอให้ทีมได้ ทำให้ต้องเล่นต่อในการต่อเวลาพิเศษ และเป็นไอ้ลูกระเบิด ‘แกรต มุลเลอร์’ ยิงประตูชัยให้เยอรมันตะวันตกพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะไป 3-2 เป็นเกมที่สุดมันเกมหนึ่งของการแข่งขันฟุตบอลโลกเลยก็ว่าได้ แต่เยอรมันก็ไปได้ไม่ถึงฝั่งฝัน พ่ายต่อพลพรรคอัสซูรี่ไปในรอบรองชนะเลิศ 3-4 ซึ่งเกมนี้ก็ต้องต่อสู้กันถึงช่วงต่อเวลาพิเศษอีกเช่นกัน ส่งอิตาลีเข้าชิงเป็นครั้งที่สาม ส่วนด้านทีมเต็งอย่างบราซิล ปีนี้ยังเพียบพร้อม นำทีมโดย ไข่มุกดำ ‘เปเล่’ และพวกอีกครั้ง ขุนพลเซเลเซา เล่นบอลได้สวยงาม และเร้าใจมากขึ้น จนทำให้นึกถึงบราซิลในยุคแชมป์โลกปี 1950 ขึ้นมาเลย ด้วยเกมรุกที่ดุดัน และสวยงามของพวกเค้า จึงผ่านรอบแรกไปได้อย่างไม่ระบมหัวแม่เท้า และในรอบน็อคเอาท์ยังสอนบอลเปรูไปด้วยสกอร์ 4-2 ส่วนในรอบรองชนะเลิศนั้น พวกเค้าพบกับอุรุกวัยอดีตแชมป์สองสมัย แต่ด้วยความร้อนแรงเกินห้ามใจของทีมแซมบ้าจึงไล่โขยกอุรุกวัยไปได้ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 ส่งให้พลพรรคเซเลเซาเข้าชิงเป็นครั้งที่สามในการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ พบกับแชมป์สองสมัยเช่นกันอย่างอิตาลี ที่สนามอัซเตก้าสเตเดี้ยม นัดชิงชนะเลิศ ไข่มุกดำ ‘เปเล่’ ก็สำแดงเดชอีกครั้งว่าเขาคนนี้เป็นอัจริยะลูกหนังตัวจริง ก่อนยิงประตูขึ้นำสุดสวยให้บราซิลขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 18 แต่อิตาลีก็ยังไม่ยอมแพ้ไล่ตีเสมอมาในนาทีที่ 37 จากโบนินเซนญ่า พอลงสนามครึ่งหลัง เหมือนหนังคนละม้วน เริ่มจากสุดยอดประตูจาก เกอร์สัน ส่งบราซิลขึ้นนำอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นบราซิลที่คุมเกมไว้ได้หมด และเปเล่ ยังใส่พานให้ แซร์จินโญ่ และกัปตันทีม คาร์ลอส อัลแบร์โต้ คนละหนึ่งลูก จบเกม พลพรรคเซเลเซาเถลิงบัลลังก์แชมป์อย่างยิ่งใหญ่ เป็นสมัยที่สาม เป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถึง 3 สมัย
ดาวซัลโว
หรือผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดของการแข่งขัน คือ ไอ้ลูกระเบิด ‘แกรต มุลเลอร์’ ของเยอรมันตะวันตก ซึ่งทำไปทั้งสิ้น 10 ประตูด้วยกัน
จำนวนการแข่งขันทั้งหมด 32 นัด จำนวนประตูที่เกิดขึ้น 95 ประตู