นับเป็นครั้งแรกของแข่งขันฟุตบอลโลกที่ถูกจัดขึ้นในทวีปเอเชีย และเป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วมกันถึงสองประเทศ ทำให้ทั้งญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายทันทีโดยที่ไม่ต้องผ่านการคัดเลือก รวมทั้งฝรั่งเศสแชมป์เก่าที่ได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปป้องกันแชมป์เช่นกัน
มีทั้งหมด 32 ทีม เป็นทีมจากยุโรป 15 ทีม ได้แก่ เบลเยี่ยม,โครเอเชีย,เดนมาร์ก,ฝรั่งเศส(แชมป์เก่า),เยอรมัน,อิตาลี,โปลแลนด์,โปรตุเกส,ไอร์แลนด์,รัสเซีย,สโลเวเนีย,สเปน,สวีเดน และตุรกี ทีมจากอเมริกาใต้ 5 ทีม ได้แก่ บราซิล,อาร์เจติน่า,เอกวาดอร์,ปารากวัย และอุรุกวัย ทีมจากแอฟริกา 5 ทีม ได้แก่ เคเมอรูน,ไนจีเรีย,เซเนกัล,แอฟริกาใต้ และตูนิเนีย ทีมจากคอนคาเคฟ 3 ทีม ได้แก่ คอสตาริก้า,เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา ทีมจากเอเชีย 4 ทีม ได้แก่ จีน,ซาอุดิอาราเบีย,เกาหลีใต้(เจ้าภาพร่วม) และญี่ปุ่น(เจ้าภาพร่วม)
ครั้งนี้เกิดการพลิกล็อกลถ่มทลายตั้งแต่รอบแรกในนัดเปิดสนาม เมื่อฝรั่งเศสแชมป์เก่าฟอร์มออกทะเลโดนทีมรองบ่อนอย่างเซเนกัล ชนะไป 0-1 และจบรอบแรกโดยที่ไม่ชนะใคร และยิงประตูไม่ได้เลยตกรอบแรกไปก่อนใครเพื่อน และยังมีม้ามืดอีกทีมที่ทำผลงานได้สุดเซอร์ไพร์นั่นคือ เจ้าภาพร่วมเก่าหลีใต้ที่ในรอบตัดเชือกพลิกล็อกชนะแชมป์โลกสามสมัยอย่างอิตาลีไปได้ 2-1ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และยังดวลจุดโทษเอาชนะสเปน ทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ถึงแม้ว่าจะพ่ายให้กับเยอรมันไป 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ และในนัดชิงอันดับสามยังแพ้ให้กับตุรกีไป 2-3 ได้อันดับสี่ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปครอง ส่วนคู่ชิงเป็นทีม ‘แซมบ้า’ บราซิล ที่มีสามประสานในแนวรุกอย่าง 3R โรนัลโด้ ริวัลโด้ และโรนันดิญโญ่ เป็นกำลังสำคัญ พบกับ ‘อินทรีเหล็ก’เยอรมัน แชมป์โลกสามสมัย แต่คราวนี้เป็น ‘เหยินใหญ่’ โรนัลโด้ เหมาสองประตูให้บราชิลเอาชนะเยอรมันไปได้ 2-0 ซิวแชมป์ไปครอง และเป็นแชมป์โลกสมัยที่ห้า มากที่สุดกว่าทุกทีมในโลกอีกด้วย
หรือผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดของการแข่งขันครั้งนี้เป็น โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติบราซิลที่โชว์ฟอร์มกระหน่ำไปทั้งสิ้น 8 ประตูด้วยกัน
จำนวนการแข่งขันทั้งหมด 64 นัด จำนวนประตูที่เกิดขึ้น 161 ประตู
