LINE x
ประวัติของฟุตบอลโลก เริ่มแรกเดิมทีนั้น เป็นการแข่งขันฟุตบอล | FIFA World Cup

ประวัติของฟุตบอลโลก

ประวัติของฟุตบอลโลก

ประวัติของฟุตบอลโลก

ประวัติของฟุตบอลโลก

ประวัติของฟุตบอลโลก

เริ่มแรกเดิมทีนั้น เป็นการแข่งขันฟุตบอลนานาชาติที่จัดขึ้นที่เมือง กลาสโกว์ ในปี ค.ศ.1872 ระหว่างอังกฤษ กับสก็อตแลนด์ และกีฬาที่ชื่อฟุตบอลก็เริ่มเติบโต และแพร่หลายไปเรื่อยๆในหลายๆ ประเทศ และได้มีการแนะนำกีฬาฟุตบอลเข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนในปี ค.ศ.1900 และปี ค.ศ.1904 และกีฬาโอลิมปิกซ้อนในปี ค.ศ.1906 และในปี ค.ศ.1904 สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือว่าฟีฟ่านั้นได้มีการก่อตั้งขึ้น ฟีฟ่าเองก็เริ่มพยายามที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ระหว่างประเทศขึ้นมา นอกเหนือจากที่มีแข่งอยู่ในกีฬาโอลิมปิก แต่ในประวัติศาสตร์เขียนไว้ว่าฟีฟ่าล้มเหลวที่จะทำผลงานชิ้นนี้ และในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี ค.ศ.1908 ที่กรุงลอนดอนนั้น กีฬาฟุตบอลก็ยังคงดำเนินต่อไปโดยอังกฤษเป็นผู้ดูแล และการจัดแข่งก็มีเพียงนักกีฬามือสมัครเล่นเท่านั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่จึงมองว่าเป็นการโชว์มากกว่าการแข่งขัน และต่อมาในกีฬาโอลิมปิกปี ค.ศ.1914 ฟีฟ่าได้จำแนกประเภทของกีฬาฟุตบอลใหม่ว่า เป็นการชิงแชมป์สำหรับมือสมัครเล่น และได้เป็นผู้ลงมารับผิดชอบดูการแข่งขันเอง และนี่เป็นการเปิดทางสู่การแข่งขันข้ามทวีปเป็นครั้งแรก โดยในกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อนในปี ค.ศ.1920 นั้นได้มีทีมที่เข้าร่วมแข่งขันอย่างประเทศอียิปต์ และผู้เข้าร่วมจากยุปโรปอีก 13 ประเทศ และในปีนั้นเป็นเบลเยี่ยมที่คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ และใน ค.ศ.1924 และ ค.ศ.1928 นั้นเป็นอุรุกวัยที่ได้แชมป์ไปครองทั้งสองสมัย และจากการที่กีฬาฟุตบอลประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้น ฟีฟ่า พร้อมประธานฟีฟ่าที่ชื่อว่า ชูล ริเม ได้เริ่มผลักดันกีฬาฟุตบอลให้นอกเหนือจากการแข่งกีฬาโอลิมปิกเท่านั้น และในปี ค.ศ.1928 นั้นฟีฟ่าได้มีการจัดประชุมขึ้นที่เมือง อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และได้ตัดสินใจว่าจะจัดการแข่งขันด้วยตัวเอง และได้มีการลงเลือกทีมชาติอุรุกวัย เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกในปี ค.ศ.1930 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับประเทศอุรุกวัยที่เป็นอิสรภาพครบหนึ่งศตวรรษ และเป็นแชมป์เปี้ยนโลกสองสมัยล่าสุดในกีฬาโอลิมปิก แต่ในครั้งแรกของการแข่งขันนั้น สมาคมฟุตบอลได้ส่งเทียบเชิญไปยังประเทศต่างที่ได้รับเลือกให้เข้าแข่งขันนั้น

FIFA World Cup

เนื่องจากอุรุกวัยเป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน จึงไม่มีประเทศไหนในทวีปยุโรปตอบตกลงที่จะส่งทีมมาร่วมแข่งขันจนถึงสองเดือนก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นนั้น ชูล ริเม จึงได้เชิญทีมมาร่วมแข่งขันได้ทั้งหมด 13 ทีม ซึ่งแบ่งออกเป็นทีมจากทวีปอเมริกาใต้ 7 ทีม ทีมจากทวีปยุโรป 4 ทีม คือ เบลเยี่ยม ,ฝรั่งเศส ,โรมาเนีย และยูโกสลาเวีย และทีมจากทวีปอเมริกาเหนืออีก 2 ทีม ซึ่งการแข่งขันในนัดแรกของฟุตบอลโลกนั้นจัดขึ้นสองคู่พร้อมกันในวันที่  13 กรกฎาคม ค.ศ.1930 ระหว่างทีมชาติฝรั่งเศส พบกับ ทีมชาติเม็กซิโก และทีมชาติสหรัฐอเมริกา พบกับทีมชาติเบลเยี่ยม ซึ่งผู้เบิกร่องประตูแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลกนั้นคือ ลุกแซง โรลองต์ จากทีมชาติฝรั่งเศส ส่วนในนัดชิงชนะเลิศปีแรกนั้น เป็นการพบกันระหว่างทีมเจ้าภาพอุรุกวัย พบกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งผลคือทีมชาติอุรุกวัย ชนะไป 4 – 2 ต่อหน้าผู้ชมราว 93000 คน ในเมืองคอนเตวิเดโอ ซึ่งทำ ให้ทีมชาติอุรุกวัยเป็นชาติแรกที่ได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก

Uruguay FIFA World Cup 2018

ต่อมาเมื่อปี ค.ศ.1942 และปี ค.ศ.1946
การแข่งขันฟุตบอลโลกนั้นได้ถูกยกเลิกไป เนื่องจากสงครามโลก  ครั้งที่สอง และผลการทบจากสงคราม พอสงครามสงบการต่อสู้บนสังเวียนลูกหนังจึงอุบัติขึ้นอีกครั้ง ในปี ค.ศ.1950 ซึ่งมีทีมชาติบราซิลเป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน และครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีทีมจากสหราชอาณาจักรเข้าร่วมด้วย สืบเนื่องจากตั้งแต่ปี ค.ศ.1920 ทีมจากสหราชอาณาจักรได้ถอนตัวไปจากฟีฟ่า เพราะบางส่วนไม่พอใจที่ทีมต้องร่วมแข่งขันกัน ประเทศที่พวกเค้าทำสงครามด้วย อีกส่วนประท้วงเนื่องด้วยไม่พอใจต่ออิทธิพล และการบังคับจากชาติอื่น แต่ก็กลับมา  เข้าร่วมอีกในปี ค.ศ.1946 หลังจากที่ได้รับคำเชิญจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ และทีมแชมป์อย่างอุรุกวัยก็ยังกลับมา ลงแข่งด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทำการคว่ำบาตรจากการแข่งขันไป

FIFA World Cup World War

ในปี ค.ศ.1982 การแข่งขันฟุตบอลโลกได้ขยายทีมเพิ่มขึ้นเป็น 24 ทีม และเพิ่มขึ้นเป็น 32 ทีมในปี ค.ศ.1998 โดยมีทีมจากทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา และทวีปอเมริกา ได้เข้ารอบ และทำผลงานได้ดีมากขึ้นในระยะหลัง ซึ่งในฟุตบอลโลกปี 2002 ที่จัดขึ้นที่เกาหลีใต้ มีทีมเข้าแข่งขันในรอบคัดเลือกมากถึง 200 ทีมด้วยกัน แต่ในฟุตบอลโลกปี 2006 ที่จัดขึ้นที่เยอรมัน มีผู้เข้าร่วมรอบคัดเลือกมากถึง 198 ทีม แต่ที่มากที่สุดเป็นสถิติคือฟุตบอลโลกปี 2010 ที่จัดขึ้นในแอฟริกาใต้ มีผู้เข้าร่วมรอบคัดเลือกมากถึง 204 ทีมเลยทีเดียว แต่โควต้าในการผ่านรอบคัดเลือกของแต่ละทวีปก็มีต่างกันด้วยนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับค่าสัมปสิทธิ์ของแต่ละทวีป ซึ่งทีมจากยุโรปได้ 13 ทีม  จากแอฟริกาได้ 5 ทีม จากอเมริกาใต้ได้ 4.5 ทีม จากเอเชียได้ 4.5 ทีม จากอเมริกาเหนือได้ 3.5 ทีม จากโอเชียเนียได้ 0.5 ทีม และประเทศเจ้าภาพอีก 1 ทีมด้วยกัน (ต่อมาเอเชีย และโอเซียเนียได้รวมเข้าด้วยกันเป็น 5 ทีม) รูปแบบในการแข่งขันฟุตบอลโลกนั้นก็ทุกทีมยกเว้นทีมเจ้าภาพต้องเข้าร่วมแข่งขันรอบคัดเลือก จนได้ทีมที่ได้อันดับที่ดีที่สุดของแต่ละโซน (การแข่งขันในแต่ละโซนก็จะมีการคัดเลือกต่างกันไปตามโควตาที่ได้รับฟีฟ่า) จนได้ครบทั้งหมด 32 ทีมรวมทีมเจ้าภาพ ซึ่งเรียกว่า การแข่งขันรอบสุดท้าย การแข่งขันรอบสุดท้ายในปัจจุบันนี้ก็จะเริ่มจากการจับฉลากแบ่งกลุ่มตามคะแนนอันดับที่ทางฟีฟ่าจัดไว้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม แข่งแบบนับคะแนนพบกันหมดทั้ง 4 ทีม ซึ่งสองทีมที่มีคะแนนสูงสุดได้ผ่านเข้ารอบต่อไป ซึ่งการนับคะแนนก็ชนะได้ 3 คะแนน เสมอ 1 คะแนน และแพ้ไม่ได้คะแนน (โดยก่อนฟุตบอลโลกปี 1994 นับผู้ชนะได้ 2 คะแนน) พอได้ทีมที่มีคะแนนมากที่สุดสองทีมในกลุ่ม ก็จะมาไขว้กัน เป็นรอบ Knock Out หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยการแข่งจะเป็นแบบแพ้คัดออก ผู้ชนะของรอบ 16 ทีมก็จะมาอยู่ในรอบ Sami Final หรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยการแข่งก็จะยังเป็นแพ้คัดออกเหมือนเดิม ต่อมาก็เป็นรอบ Quarter Final หรือรอบ 4 ทีมสุดท้าย ทีมที่ชนะในรอบนี้จะได้เข้าไปชิงชนะเลิศกัน ส่วนทีมแพ้จะได้ไปชิงอันดับที่สาม


Warning: Trying to access array offset on value of type null in /srv/users/rb-in-th/apps/fifagoalcluborg/public/wp-content/themes/betheme/includes/content-single.php on line 286
amreen

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *